“คิดใหม่ให้เมือง” ตามแนวความคิดของ OPENBOX จำเป็นต้องตอบปัญหาอีกทั้งสังคมรวมทั้งเศรษฐกิจ แนะรีบลงทุนองค์ประกอบเบื้องต้น…
การวางผังเมืองรวมทั้งการออกแบบ มีหน้าที่แล้วก็จุดสำคัญเป็นอย่างมากในการพัฒนา สร้างเสริมประสิทธิภาพเมืองไปสู่ความยั่งยืนและมั่นคง กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและก็แผนผังเมือง จัดประชุมสัมมนาวิชาการ เนื่องในวันแปลนเมืองโลก WELLNESS CITY TRANSFORMATION “คิดใหม่ ให้เมือง” เชิญชวนผู้ที่มีความชำนาญร่วมประชุมสัมมนาแลกวิชาความรู้ ยอมรับฟังข้อคิดเห็นจากหน่วยงาน หน่วยงานที่เกี่ยวพันหลายภาคส่วน ทั้งยังภาครัฐรวมทั้งเอกชน สำหรับการดีไซน์รวมทั้งขับงานด้านแผนผังเมือง ข้างหลังเหตุการณ์วัววิด-19 เพื่อความเคลื่อนไหวให้กำเนิดสมดุลของเมือง มุ่งหาหนทางใหม่ อีกทั้งด้านแนวนโยบายแล้วก็ทางด้านกายภาพสำหรับเพื่อการวางแปลนเมืองรวมทั้งดีไซน์เมืองให้มีความยืดหยุ่นในทุกด้าน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพสกนิกรสามารถดำรงชีพอย่างธรรมดาสุขในรูปแบบใหม่ ตลอดจนตอบปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจ
ความกำหนัดวัฒน์ กาญจน์สามย์ ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท คนเขียนแบบโอเพนบอกซ์ จำกัด รวมทั้ง กรุ๊ปบริษัทในเครือ (OPENBOX Architects Company Limited and OPENBOX GROUP) บริษัทคนเขียนแบบชั้นแนวหน้าของประเทศ ที่ส่งผลงานนานัปการได้รับรางวัลด้านการออกแบบอีกทั้งในประเทศแล้วก็ระดับนานาชาติ (นับจาก ที่พักที่อาศัย ตึกการค้าขายแผนการขนาดใหญ่ (Residential and mixed use complex) อาคารสูง (Highrise) โครงงานโด่งดังอีกทั้งในรวมทั้งต่างชาติ ตลอดจนงานวางแบบโรงงานกระแสไฟฟ้าพลังงานตอบแทน) ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และก็ข้อคิดเห็นในประเด็น “City of The Future เมืองที่อนาคต”
ยกแนวความคิด S-E-N-S-E ศูนย์รวม 5 โซลูชั่น สู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
โดยบอกว่า เมืองที่อนาคตเป็น เมืองที่มีความคิดประดิษฐ์การออกแบบในด้านต่างๆรวมเข้ามาประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการพื้นที่อย่างมีคุณภาพสูงสุด (Space efficiency), การจัดการพลังงานที่ดีแล้วก็ใช้พลังงานด้วยกันอย่างความสามารถ (Energy sharing), การให้ความใส่ใจกับธรรมชาติแล้วก็พื้นที่สีเขียว (Nature & Green), การออกแบบตึก สถานที่ หรือเมืองให้สามารถตอบปัญหาการใช้แรงงานได้ในเหตุการณ์ที่มากมาย (Synchronization), แล้วก็การคิดค้นของใหม่เพื่อการพักอาศัย (Exploration of living innovation) ด้วยเหตุนี้ การออกแบบปรับปรุงเมืองของ OPENBOX GROUP ก็เลยอยู่ภายใต้แนวความคิด S-E-N-S-E ศูนย์รวม 5 โซลูชั่น สำหรับ City of the Future โดยมีคนเป็นศูนย์กลาง เพื่อช่วยยกฐานะคุณภาพชีวิตที่ดีของมนุษย์ อีกทั้งด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและก็จิตใจ ใส่รับเหตุการณ์ในตอนนี้ และก็เป็นการเตรียมพร้อมไปสู่อนาคต
ความรักวัฒน์ ยกตัวอย่างว่า แนวความคิดวิธีขายยุคใหม่พึงพอใจการมีพื้นที่สีเขียวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกฎของการเปิดพื้นที่สีเขียวให้กับอาคารสูงเป็นสิ่งที่ดีเลิศ ช่วยจัดแจงพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพ แล้วก็เดี๋ยวนี้สังคมสนใจพลังงานสะอาด ดังเช่นว่า พลังงานจากแสงอาทิตย์ ตึกบางที่มีความคิดประดิษฐ์สำหรับเพื่อการจัดตั้ง solar panel หรือ มีการใช้เทคโนโลยี Energy blockchain มาช่วยให้มีการแชร์พลังงานกันในแต่ละอาคารที่อยู่รอบๆเดียวกัน แต่ว่ามิได้ใช้พลังงานเวลาเดียวกัน เรียกว่า Energy sharing เวลาเดียวกันการนำ Green Network มาโยงใยทั้งเมือง จะช่วยทำให้คนสัมผัสธรรมชาติและก็พื้นที่สีเขียวได้มากขึ้น นอกเหนือจากนั้น โครงงานที่วางแบบแล้วก็ก่อสร้างที่เน้นย้ำให้มีพื้นที่สีเขียวก็เป็นการแอบช่วยเหลือเมืองไปในตัว เนื่องจากมีความสามารถสำหรับเพื่อการซึมซับอากาศเสีย ส่วนในเมืองใหญ่ที่มีความมากมายหลากหลาย เทคโนโลยีอาคารสูงจะช่วยเชื่อมร้อยทั้งหมดทุกอย่างเข้าด้วยกัน เป็นการ Synchronization ให้ดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยไม่ก่อกวนกัน แล้วก็ตอนนี้เริ่มจะมีเทคโนโลยีแล้วก็ของใหม่ใหม่ๆที่กำลังเข้ามาประสานกับตัวตึก ที่สามารถจะช่วยให้ท่านภาพชีวิตของคนเราดียิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านี้ สิ่งที่ตลาดมีความสนใจแล้วก็นับว่าเป็นจุดขายในสังคมตอนนี้ด้วยเหตุว่าดีต่อโลกรวมทั้งดีต่อเมือง โน่นเป็น 3 ศูนย์ (Zero) ตัวอย่างเช่น 1. Zero Waste ใช้สิ่งของที่ไม่มีเศษเลย ตั้งแต่ไลน์ผลิตวัตถุดิบเข้าจนถึงออกมาจากโรงงาน 2. Zero Energy เป็น Solar Cell 100% อย่างน้อยที่สุดเป็นในกลางวันไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งกระแสไฟฟ้าจากด้านนอก รวมทั้ง 3. Zero Emission ไม่มีการปล่อยของเสียออกมา โดยการใช้เครื่องปรับอากาศ การใช้พลังงานทั้งหมดทุกอย่าง จำเป็นจะต้องหักลบกับพื้นที่สีเขียวที่มันสามารถที่จะลบล้างค่าคาร์บอนไดออกไซด์ได้พอดิบพอดี
เชื่อมผสานความมากมายหลายสร้างโครงข่ายเพื่อการพัฒนาที่ยืนนาน
“ที่สำคัญเมืองที่อนาคต จำเป็นต้องตอบปัญหาได้ครบถ้วนบริบูรณ์อีกทั้งทางด้านสังคม แล้วก็เศรษฐกิจ เพื่อเป็นเมืองที่ยืนยงอย่างแท้จริง โดยเดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไทยได้รับผลพวงจากวัววิด-19 รายได้จากการท่องเที่ยวอันเป็นกำลังขับเขยื้อนของเศรษฐกิจหายไป ด้วยเหตุนี้ ตอนปิดประเทศควรจะเตรียมพร้อมรองรับนักเดินทางที่จะหลั่งไหลเข้ามา ซึ่งไทยเป็นจุดมุ่งหมายของนักทัศนาจร และก็ผู้คนที่อยากเปลี่ยนที่อาศัยจากทั่วทั้งโลกอย่างแน่แท้ ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาเมือง หรือ ส่วนประกอบเบื้องต้น ก็เลยเป็นสิ่งจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น การมีท่าเรือหยุดสำหรับเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถจะช่วยเพิ่มพื้นที่การท่องเที่ยว แม้กระนั้น การพัฒนาที่ยืนนานจะต้องมี Synergy อันเป็น 1 ใน 7 คุณลักษณะของคนที่มีการบรรลุเป้าหมายควรมี โน่นเป็น การเชื่อมต่อผสานกัน นำไปสู่ผลดี ไม่ใช่แค่ 1 บวก 1 พอๆกับ 2 แม้กระนั้นเป็น 1 บวก 1 พอๆกับ 100 โดยนำสิ่งที่มีความมากมายเข้ามาทำงานด้วยกัน ซึ่งก็มีหลายสิ่งที่ทำตระเตรียมไว้แล้ว แม้กระนั้นจำเป็นที่จะต้องทำให้ทั้งหมดทุกอย่างเปลี่ยนเป็น network”
ดังนี้ การพัฒนาส่วนประกอบเบื้องต้นสำหรับเพื่อการท่องเที่ยว (Development of tourism infrastructure) จะก่อให้กำเนิดยุทธวิธี Strategic District ซึ่งนอกเหนือจากที่จะเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นแล้ว ยังสามารถจุดประกายให้พื้นที่บริเวณเตรียมความพร้อมในการพัฒนาด้วย เพราะว่าเมื่อนักเดินทางเดินทางไปจังหวัดหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดภูเก็ต ส่วนมากมิได้วางจุดมุ่งหมายท่องเที่ยวเพียงแค่ในจังหวัดเดียว แต่ว่ายังมองหาสถานที่สำหรับท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียง แม้กระนั้นบางทีก็ไปมิได้ เพราะเหตุว่าไม่มีส่วนประกอบเบื้องต้นรองรับ ทำให้พลาดโอกาส ด้วยเหตุดังกล่าว ถ้ามีการสนับสนุนและก็ลงมือพัฒนาต่อได้เร็ว จะเป็นช่องทางสำหรับในการนำรายได้เข้าประเทศข้างหลังเหตุการณ์วัววิด-19 เพราะเหตุว่าช่วงนี้นักเดินทางต่างรอเวลาด้วยความอึดอัดใจ จึงต้องควรใช้เวลาในตอนของการรอนี้สร้างจังหวะแล้วก็เตรียมตัว
วางยุทธวิธีภายใต้เค้าโครงความคิดใหม่ ร่วมมือกันเพิ่มค่าสร้างรายได้
“การผลิตคำตอบใหม่ จะต้องใช้กรรมวิธีการรวมทั้งกลอุบายใหม่ๆโน่นเป็น ควรจะมี New Paradigm หรือ เค้าโครงความคิดใหม่ Paradigm สื่อความหมายเปรียบได้อย่างง่ายๆพอๆกับแผนที่ เป็นสิ่งที่จะบอกพวกเราได้ว่ากำลังจะเดินไปทางไหน ชัดและก็ง่ายเทียบเป็นเป็นจุดมุ่งหมาย เป็นแผนปรับปรุง แต่ว่าสิ่งที่จำเป็นกว่านั้น ก่อนจะรู้ดีว่าพวกเราจะไปไหน จำเป็นต้องทราบดีว่าตอนนี้พวกเรายืนอยู่ถูกจุดไหนก่อน แล้วก็มีความเชื่อหนึ่งที่รังควานพวกเรามายาวนานหลายปีหมายถึงความเชื่อถือที่คนต่างประเทศเอามาใส่หัวพวกเราไว้นานมาว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังปรับปรุง รวมทั้งวันนี้ก็ยังปรับปรุงอยู่ สิ่งกลุ่มนี้ใช่หรือไม่ก็ไม่เคยทราบ พวกเราจะปรับปรุงไปไหน ปรับปรุงตามคนไหนกันแน่ และก็มีการตีเส้นที่ไหนที่เลยคำว่าปรับปรุงแล้ว เนื่องจากผมไม่รู้จักสึกว่าพวกเรากำลังตามผู้ใด พวกเราเป็นเมืองไทยที่มีทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ดีเป็นของตนเอง เพียงแค่จำเป็นต้องรู้จักตนเอง รู้คุณค่าของตนเองก่อนที่จะได้มีการเดินทางไปด้านหน้า”
ความกำหนัดวัฒน์ แสดงให้เห็นว่า เดี๋ยวนี้รีสอร์ทมีชื่อเสียงในประเทศไทยสามารถทำรายได้มาก แต่ว่าโชคร้ายที่มีเจ้าของเป็นนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากแลเห็นค่าของไทย ก็เลยเข้ามาเก็บเกี่ยวผลตอบแทนกลับไปจากการผลิตเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ชั้นสูง เพื่อคิดบัญชีจากนักเดินทางในราคาหลักหมื่นบาทจนกระทั่งแสนบาทต่อคืน ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติของไทย ไม่ว่าจะเป็น หาด ป่าดง เทือกเขา แล้วก็ของกินก็เป็นที่รู้จักสุดยอด และวัฒนธรรมที่เป็นที่สุดของโลก สิ่งกลุ่มนี้ล้วนมีมูลค่าเพียงแต่คนประเทศไทยจำเป็นต้องรู้จักเพิ่มค่าในสิ่งที่มี และก็ถึงเวลาแล้วที่ชาวไทยจำต้องเดินเกมรุก Be Proactive ก็เป็นเลิศในต้นเหตุของการพัฒนาเมือง ก็เลยต้องการเสนอให้คนที่มีความสามารถและก็ผู้ที่มีความพร้อมเพรียงมาร่วมมือกันกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดขึ้นจริง โดยยึดหลักคิดผลตอบแทนด้วยกัน หรือ Think win win
“ผมได้มองเห็นเมืองที่อนาคต จากการเดินทางดำรงชีวิตในเมืองต่างๆทั่วทั้งโลก ผมได้มองเห็นโลกหนแรกตอนเด็กถือได้ว่าเป็นการเปิดโลกที่กระเทือนไปถึงแก่น ซึ่งการได้ดำรงชีวิตอยู่ในเมืองที่ดีไซน์แปลนเมืองอย่างมีระบบกฎระเบียบ ดำรงชีวิตบนอาคารสูงกับเส้นขอบฟ้าที่โปร่งเตียน ได้เข้าใจในเรื่องความพิศวง ว่าความสูงของตึกช่วยทำให้คนจำนวนมากดำเนินชีวิตรวมกันได้บนที่ดินจำกัด ช่วยเปิดพื้นที่ที่เหลือเป็นที่แจ้ง ปลูกต้นไม้ให้ใช้พักผ่อนหย่อนใจ เป็นแถวคิดการพัฒนาเมืองยุคใหม่ ที่ลดพื้นที่ฐานตึก (Building footprint) ของตึก เพื่อเปิดผิวดินให้ปฏิบัติภารกิจตามธรรมชาติ รองรับต้นไม้ เป็นที่รับรวมทั้งซึมน้ำ เป็นหลักกลางแจ้ง ซึ่งแต่ละเมืองมีความเด่นแตกต่าง อาทิเช่น มีความเป็น Sustainable City ที่ไม่มีขยะแล้วก็มลภาวะ แล้วก็มีพื้นที่สีเขียวมาก บางเมืองมีความ Wellbeing City สามารถดำรงชีวิตได้โดยสวัสดิภาพ สบาย แล้วก็เป็นสุขได้ตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต บางเมืองมีความเป็น Efficient City”
ประธานข้าราชการบริหาร บริษัท คนเขียนแบบโอเพนบอกซ์ กล่าวตบท้ายว่า “สำหรับกรุงเทวดา เป็น Diversty City หรือเมืองที่ความมากมายหลายที่มีเสน่ห์ที่นับว่าเป็นบ้านของผม เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ ผ่านวิกฤตมาบ่อยครั้ง แม้กระนั้นปรับปรุงมาได้โดยตลอด จนกระทั่งเป็นมหานครระดับนานาชาติแห่งหนึ่ง รวมทั้งมีหลายประเภทที่ยังพัฒนาได้อีก ผมมองดูเมืองนี้ด้วยความรู้สึกยินดี เหมือนกับทางการทำงานตลอด 17 ปีให้หลัง งานวางแบบของพวกเราเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเมือง ก็เลยจะต้องนึกถึงเมืองเสมอ และก็ผมมั่นใจว่าผลงานของพวกเราจะเบาๆทำให้เมืองนี้ และก็เมืองอื่นๆในโลกเป็นหลักที่ที่ผู้อาศัยเรียกว่าเป็น ‘บ้าน’ ของพวกเขาอย่างภูมิใจ”